ตะลุยญี่ปุ่น ไหว้ขอพรวัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizu-dera Temple)

วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizu-dera Temple) และประวัติอย่าง

ตะลุยญี่ปุ่น ไหว้ขอพรที่ วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizu-dera Temple) พร้อมประวัติอย่างละเอียด

วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizu-dera Temple, 清水寺) เป็นหนึ่งในวัดพุทธที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเมืองเกียวโต วัดแห่งนี้เป็นที่รู้จักในด้านความงดงามของสถาปัตยกรรมและทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงาม อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1994 วัดนี้มีความสำคัญทั้งทางศาสนาและวัฒนธรรม และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกียวโต


ประวัติความเป็นมาของวัดคิโยมิสึเดระ

  1. การก่อตั้งวัดในยุคนารา (Nara Period)
    วัดคิโยมิสึเดระก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 778 โดยพระสงฆ์ชื่อ เอนจิน (Enchin) บนพื้นที่ที่เชื่อว่ามีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ไหลจากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ชื่อ “คิโยมิสึ” หมายถึง “น้ำบริสุทธิ์” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัด
  2. การขยายวัดในยุคเฮอัน (Heian Period)
    ในช่วงยุคเฮอัน (Heian Period) วัดคิโยมิสึเดระได้รับการสนับสนุนจากราชสำนักและขุนนางผู้มีอำนาจ ทำให้มีการขยายพื้นที่วัดและสร้างอาคารเพิ่มเติมหลายแห่ง รวมถึงศาลเจ้าและเจดีย์ที่เป็นเอกลักษณ์ของวัด
  3. การบูรณะหลังภัยธรรมชาติและไฟไหม้
    วัดคิโยมิสึเดระประสบภัยธรรมชาติและไฟไหม้หลายครั้งในประวัติศาสตร์ โดยตัวอาคารหลักที่เห็นในปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1633 ในสมัยโชกุนโทกุงาวะ อิเอะมิตสึ (Tokugawa Iemitsu) ซึ่งยังคงรักษาสถาปัตยกรรมดั้งเดิมเอาไว้
  4. การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
    เนื่องจากความสำคัญทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม วัดคิโยมิสึเดระได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1994 และกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก

สถาปัตยกรรมและจุดเด่นของวัดคิโยมิสึเดระ

  1. วิหารหลัก (Main Hall)
    วิหารหลักของวัดสร้างขึ้นจากไม้ทั้งหมด และโดดเด่นด้วยระเบียงไม้ขนาดใหญ่ที่ยื่นออกไปจากหน้าผา ระเบียงนี้สูงจากพื้นประมาณ 13 เมตร และได้รับการสร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปูเลยแม้แต่ตัวเดียว ระเบียงนี้เป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงมาก เนื่องจากสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองเกียวโตได้อย่างชัดเจน
  2. น้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall)
    น้ำตกโอโตวะเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลผ่านบริเวณวัด ผู้คนเชื่อกันว่าน้ำจากน้ำตกนี้มีพลังในการเสริมโชคลาภ ความรัก และสุขภาพ นักท่องเที่ยวสามารถดื่มน้ำจากน้ำตกได้โดยใช้กระบวยตักน้ำที่เตรียมไว้
  3. ศาลเจ้าเทพเจ้าแห่งความรัก (Jishu Shrine)
    ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัด และอุทิศให้กับเทพเจ้าแห่งความรักและการสมหวังในความรัก จุดเด่นของศาลเจ้าคือ หินแห่งความรัก (Love Stones) ซึ่งเป็นหินสองก้อนที่ตั้งอยู่ห่างกันประมาณ 18 เมตร เชื่อกันว่าหากผู้ที่หลับตาเดินจากหินก้อนหนึ่งไปยังอีกก้อนหนึ่งได้โดยไม่ลืมตา จะสมหวังในความรัก
  4. เจดีย์สามชั้น (Three-Story Pagoda)
    เจดีย์สามชั้นที่ตั้งอยู่ภายในวัดเป็นหนึ่งในเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพเนื่องจากมีฉากหลังเป็นทิวทัศน์ภูเขาที่งดงาม
  5. สวนซากุระและใบไม้เปลี่ยนสี
    บริเวณรอบ ๆ วัดคิโยมิสึเดระมีสวนที่ปลูกต้นซากุระและเมเปิ้ลจำนวนมาก ทำให้วัดแห่งนี้เป็นจุดชมซากุระบานในฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในเกียวโต

การขอพรที่วัดคิโยมิสึเดระ

  1. ขอพรเรื่องสุขภาพและความสำเร็จ
    ผู้ที่มาสักการะที่วิหารหลักมักจะขอพรให้ตนเองและครอบครัวมีสุขภาพแข็งแรง และประสบความสำเร็จในชีวิต
  2. ขอพรเรื่องความรัก
    ศาลเจ้า Jishu Shrine เป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้ที่ต้องการขอพรเรื่องความรักและการสมหวังในชีวิตคู่ โดยเฉพาะการเดินทดสอบความรักที่หินแห่งความรัก
  3. ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อเสริมโชคลาภ
    การดื่มน้ำจากน้ำตกโอโตวะเชื่อว่าจะช่วยเสริมโชคลาภในด้านต่าง ๆ เช่น สุขภาพ การศึกษา และความรัก

เทศกาลสำคัญที่จัดขึ้นที่วัดคิโยมิสึเดระ

  • เทศกาลคิโยมิสึ มัตสึริ (Kiyomizu Matsuri)
    จัดขึ้นในเดือนมีนาคมของทุกปี โดยจะมีพิธีกรรมทางศาสนาและการแสดงทางวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับวัด รวมถึงการประดับไฟยามค่ำคืนที่ระเบียงไม้ของวิหารหลัก

เวลาเปิด-ปิด และการเดินทาง

  • เวลาเปิดทำการ:
    เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 18.00 น.
  • ค่าเข้าชม:
    400 เยน สำหรับผู้ใหญ่ และ 200 เยน สำหรับเด็ก
  • การเดินทาง:
    • โดยรถบัส: ขึ้นรถบัสสาย 100 หรือ 206 จากสถานี Kyoto Station มาลงที่ป้าย Gojo-zaka หรือ Kiyomizu-michi แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที
    • โดยรถไฟ: ลงที่สถานี Kiyomizu-Gojo Station บนสาย Keihan Main Line แล้วเดินต่อประมาณ 20 นาที

สิ่งที่ควรรู้ก่อนเดินทาง

  1. การแต่งกาย:
    ควรแต่งกายสุภาพ และสวมรองเท้าที่สะดวกสบาย เนื่องจากต้องเดินขึ้นบันไดและพื้นที่ลาดชัน
  2. ข้อควรปฏิบัติ:
    • ควรปฏิบัติตามกฎระเบียบของวัด เช่น ห้ามส่งเสียงดัง และไม่รบกวนผู้ที่มาสวดมนต์
    • ห้ามถ่ายภาพในบริเวณที่มีป้ายห้ามถ่ายภาพ
  3. ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเยี่ยมชม:
    ช่วงฤดูใบไม้ผลิ (ปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเมษายน) และฤดูใบไม้ร่วง (ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นธันวาคม) เป็นช่วงที่วัดคิโยมิสึเดระงดงามที่สุดเนื่องจากดอกซากุระและใบเมเปิ้ลที่เปลี่ยนสี

ทำไมควรไปวัดคิโยมิสึเดระ

  • ความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนา:
    วัดคิโยมิสึเดระเป็นวัดที่มีความสำคัญทางศาสนาและเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของเกียวโต
  • สถาปัตยกรรมที่งดงาม:
    ระเบียงไม้ของวิหารหลักที่สร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปูเป็นจุดเด่นที่สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว
  • วิวทิวทัศน์ที่สวยงาม:
    นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวเมืองเกียวโตได้จากระเบียงไม้ของวิหารหลัก และเพลิดเพลินกับทัศนียภาพของสวนซากุระและใบไม้เปลี่ยนสี

การมาเยือน วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizu-dera Temple) จะทำให้คุณได้สัมผัสกับความงดงามของสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นโบราณ พร้อมทั้งเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่น อีกทั้งยังได้ชมทัศนียภาพอันงดงามของเมืองเกียวโตจากจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงระดับโลก หากคุณมีโอกาสมาเที่ยวเกียวโต อย่าลืมแวะมาไหว้ขอพรที่วัดคิโยมิสึเดระเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิตค่ะ 🌸

Previous Article

ตะลุยญี่ปุ่น ไหว้ขอพรวัดเซ็นโซจิ (Senso-ji Temple)

Next Article

สาวใจบุญไถ่ชีวิตโคถวายวัด คอหวยแห่ส่องเลขเด็ดรถ!